“ข้าวแตนสมุนไพรแม่สายทิพย์” ข้าวแตนพันหน้าแผ่นบางกรอบที่มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์จากการนำภูมิปัญญาอีสานอย่าง“เครือตดหมา”เข้ามาเป็นส่วนผสมได้อย่างลงตัว นอกจากจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้แม่สายทิพย์ จนสามารถที่จะลืมตาอ้าปากได้แล้ว อีกหนึ่งความตั้งใจและความคาดหวังจากการทำ“ข้าวแตนสมุนไพรแม่สายทิพย์” ก็คือหวังว่าธุรกิจนี้จะสามารถเป็นช่องทางที่จะสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับชุมชนได้

สายทิพย์ ลามา เจ้าของกิจการข้าวแตนสมุนไพรสายทิพย์ที่เป็น “ลูกซาวนา” อยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ชื่อบ้านโคกสว่าง ตำบลคอนฉิม อำเภอแวงใหญ่ จังหวัดขอนแก่น
ตั้งแต่เล็กจนโตชีวิตของแม่สายทิพย์ผูกพันกับการทำนามาตลอด แต่อาชีพนี้มีรายได้ไม่แน่นอนด้วยราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำในช่วงนั้น และหนทางการทำเกษตรกรรมที่ไม่ได้มีหลากหลาย ทำให้แรงงานจำนวนมากต้องออกไปหางานทำที่อื่น
“ถ้าไม่ดิ้นรนไปญี่ปุ่นไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากได้” ย้อนกลับไปตอนที่แม่สายทิพย์ต้องจากบ้านต้องออกจากอีสานไปทำงานในโรงทอผ้าที่กรุงเทพฯ กว่า 10 ปีในและอีก 7 ปีที่ญี่ปุ่น เป็นภาพที่คุ้นเคยกันดีของคนอีสาน หวังไปค้นหาโอกาสในเมืองใหญ่และต่างถิ่นเพราะได้รับโอกาสทางอาชีพและรายได้ที่มากกว่าที่บ้าน“ถ้าเมือเมืองไทยสิเฮ็ดให่ชาวบ้านมีงานโดยบ่ต้องถิ่มลูก ” ประโยคนี้ติดอยู่ในใจแม่สายทิพย์เสมอ ด้วยการทำนาเป็นอาชีพที่คู่กับคนอีสาน ถ้าข้าวเปลือกขายได้กิโลกรัมไม่กี่บาทแล้วถ้าเพิ่มมูลค่าให้ข้าวเปลือกมากกว่านี้ล่ะ ? เธอเป็น “ลูกซาวนา” ที่หันหลังให้ต่างแดนสู่การกลับบ้านและคิดวิธีการเพิ่มคุณค่าให้ข้าวด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรียกว่า “ข้าวแตนสมุนไพรสายทิพย์” หรือข้าวแตนตดหมา ที่ใช้ข้าวเหนียวเป็นส่วนผสมหลักถึง 90% และนำมาผ่านกระบวนการแปรรูปแทนที่จะขายข้าวเหนียวเปลือกในราคาถูก



สายทิพย์ ลามา ไม่อยากแค่เพิ่มมูลค่าของข้าวเหนียว แต่ยังอยากช่วยสร้างงานในชุมชนให้ไม่ต้องไปทำงานไกลบ้าน โดยเริ่มต้นจากกลุ่มแม่บ้านแค่ 7 คน แต่ตอนนี้ขยายเป็น 75 ครัวเรือนแล้ว ข้าวอินทรีย์ที่นำมาผลิตก็มาจากศูนย์ข้าวชุมชนในอำเภอแวงใหญ่ที่มี ถึง 24 ศูนย์ พอมีข้าวแตนสมุนไพรสายทิพย์จากปกติชาวนาจะให้เก็บเกี่ยวข้าวแบ่งไว้พอกินแล้วที่เหลือก็เอาไปขายแบบราคาถูก เปลี่ยนมาขายข้าวให้ธุรกิจข้าวแตนของแม่เพื่อเพิ่มมูลค่าข้าวเปลือกเป็นระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชน โดยเอาข้าวเปลือกมาสีเป็นข้าวสารเพื่อทำข้าวแตน ส่วนแกลบที่เหลือก็เอาไปเลี้ยงวัว และมูลวัวก็ใช้เป็นปุ๋ยหมักชีวภาพไปใส่ในนาข้าว วนเวียนไปเป็นวัฏจักร ทำให้เกิดที่ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาการไปทำงานที่เมืองใหญ่หรือละทิ้งถิ่นฐานไปที่อื่น นี่ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ทำให้ชุมชนเติบโตและช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ข้าวแตนตดหมาของแม่เป็นฮอดเจ้าแรกในไทย
แม่สายทิพย์บอกว่าภูมิปัญญาอีสานที่นำเครือตดหมามาผสมเพื่อทำข้าวแตน ข้าวแตนสมุนไพรสายทิพย์เป็นเจ้าแรกในไทย แต่ไม่ได้จดลิขสิทธิ์ เพราะธุรกิจนี้เป็นศูนย์เรียนรู้อยากเผยแพร่ให้คนอื่นได้รู้จักสรรพคุณของเครือตดหมา
เหตุผลที่แม่สายทิพย์เลือกใช้ภูมิปัญญาอีสานอย่าง “เครือตดหมา” หรือกระพังโหมมาผสมกับข้าวแตน เพราะว่าเป็นวิธีการดั้งเดิมของอาหารพื้นบ้านอีสาน ไม่ใช่แค่ปลอดสารเคมี แต่ยังมีคุณสมบัติทางสมุนไพรที่ช่วยชะลอความแก่ ลดไขมันในเส้นเลือด และกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ซึ่งตอบโจทย์สุขภาพของคนในยุคนี้ ข้าวแตนสมุนไพรสายทิพย์เลยมีชื่ออีกชื่อว่า “ข้าวแตนตดหมา”
แม่สายทิพย์ยังยกงานวิจัยที่รองรับว่า เครือตดหมา มีศักยภาพในการลดระดับน้ำตาลในเลือดเพราะจากการทดลองในสัตว์พบว่าสารสกัดจากใบตดหมาสามารถเพิ่มระดับฮอร์โมนอินซูลินที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอและช่วยลดระดับ HbA1C ในกระแสเลือดบ่งบอกถึงประสิทธิภาพในการช่วยรักษาโรคเบาหวาน




“แต่ก่อนแม่ต้องนวดอาทิตย์ละครั้งแต่พอกินเครือตดหมามันเฮ็ดให่เส้นเอ็นเคลายบ่ปวดคือแต่ก่อน” แม่สายทิพย์ย้ำอีกว่าเครือตดหมามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ สามารถเพิ่มระดับเอนไซม์ที่ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระ เช่น ซูเปอร์ออกไซด์ ติสมูแทนท์ คาตาเลส และกลูตาไธโอน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการป้องกันความเสื่อมของเซลล์และลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่าง ๆ
นอกจากจะมีสรรพคุณทางยาแล้วแม่ยังบอกอีกว่า เครือตดหมา มีคุณสมบัติที่น่าสนใจอีกอย่าง คือ การช่วยให้แป้งหรือขนมขึ้นฟูแบบไม่อมน้ำมัน ซึ่งคล้ายกับการใช้ผงฟูในขนมปังหรือขนมพื้นบ้านที่แม่คุ้นเคยเช่นกันคือ ข้าวโป่ง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือลดต้นทุน
ในการทำธุรกิจแน่นอนว่าทุกคนต้องอยากได้กำไรแม่สายทิพย์ก็เช่นกัน แม่สายทิพย์บอกว่าถ้าเราใช้ผงฟูในการทำข้าวแตนเราต้องใช้ช้อนละ 2 บาทต่อข้าวเหนียว 1 กิโลกรัมแสดงว่าต้องใช้ผงฟูถึง 2,000 บาทต่อข้าวเหนียว 1,000 กิโลกรัม แต่ถ้าเปลี่ยนจากผงฟูมาเป็นเครือตดหมาจะใช้ต้นทุนเพียงแค่ 80 บาทต่อข้าวเหนียว 1,000 กิโลกรัม ทำให้แม่สายทิพย์ขายข้าวแตนตดหมาได้ในราคาที่ถูกและได้กำไร
“ข้าวแตนสมุนไพรแม่สายทิพย์” ข้าวแตนพันหน้าแผ่นบางกรอบที่มีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์จากการนำภูมิปัญญาอีสานอย่าง“เครือตดหมา”เข้ามาเป็นส่วนผสมได้อย่างลงตัว นอกจากจะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้แม่สายทิพย์ จนสามารถที่จะลืมตาอ้าปากได้แล้ว อีกหนึ่งความตั้งใจและความคาดหวังจากการทำ“ข้าวแตนสมุนไพรแม่สายทิพย์” ก็คือหวังว่าธุรกิจนี้จะสามารถเป็นช่องทางที่จะสร้างความเป็นปึกแผ่นให้กับชุมชนได้



คนอีสานบ่จำเป็นต้องไปเฮ็ดหม่องอื่นแต่เฮ็ดธุรกิจที่บ้านเกิดได้
คำพูดของแม่สายทิพย์ที่เตือนใจของใครหลาย ๆ คน ที่มองว่าการทำงานไม่สามารถทำธุรกิจที่บ้านเกิดได้ ไม่มีโอกาสดี ๆ เหมือนกับการไปตั้งตัวในเมือง แต่แม่สายทิพย์มองต่างออกไปเพราะหากลองมองสิ่งรอบใกล้ตัวดูดี ๆ อีสานของเรามีทรัพยากรที่หลากหลายและศักยภาพในการสร้างธุรกิจที่ไม่แพ้ที่ไหนๆ ไม่ว่าจะเป็นการเกษตรที่มีคุณภาพ การท่องเที่ยวที่สวยงาม หรือแม้กระทั่งวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ทุกอย่างเหล่านี้สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจที่เติบโตได้อย่างยั่งยืน หากคนอีสานกลับมองเห็นและใช้ศักยภาพของตัวเอง
ที่ผ่านมามีคนอีสานจำนวนไม่น้อยที่ต้องออกจากบ้านเกิดไปทำงานที่อื่น หรือแม้แต่ไปไกลถึงต่างประเทศ หวังสร้างอนาคตที่มั่นคงให้ตัวเองและครอบครัว แต่การจากบ้านไปก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะเมื่อห่างจากพ่อแม่ ลูกหลาน และคนที่รัก หลายคนกลับมาเยี่ยมบ้านได้แค่ปีละไม่กี่ครั้ง อย่างช่วงปีใหม่หรือสงกรานต์ บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น เสียงหัวเราะ และบางครั้งก็มีน้ำตา เมื่อถึงเวลาต้องจากกันอีกครั้งภาพของการกอด การโบกมือลา หรือแม้แต่น้ำตาของคนที่เรารักเป็นสิ่งที่คนอีสานคุ้นเคยกันดี

อีสานบ้านเกิดเฮาก็สามารถเป็นที่สร้างอนาคตได้
แนวโน้มนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของตลาดแรงงานอีสาน จากที่เคยต้องพึ่งพาโอกาสจากเมืองใหญ่ มาเป็นการสร้างโอกาสในท้องถิ่นมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคที่เริ่มเติบโตอย่างยั่งยืน และที่สำคัญคือ ชาวอีสานมีโอกาสได้อยู่กับครอบครัวมากขึ้น ไม่ต้องจากบ้านไปไกลเพื่อหาเลี้ยงชีพอีกต่อไป (อ้างอิง ISAAN Insight)
เช่นเดียวกันกับเรื่องราวของ แม่สายทิพย์ ลามา “จากคนที่ต้องจากบ้านออกไปหาโอกาสในเมืองใหญ่ สู่ความตั้งใจที่อยากจะกลับไปพัฒนาบ้านเกิด” จนในท้ายที่สุดก็สามารถที่จะสร้างธุรกิจจากการนำทรัพยากรในท้องถิ่นมาพัฒนาสู่ธุรกิจที่ยั่งยืนได้ ซึ่งก็คือ ธุรกิจ “ข้าวแตนสมุนไพรแม่สายทิพย์”
ความสำเร็จของข้าวแตนสมุนไพรสายทิพย์ไม่ได้หยุดแค่ในตลาดท้องถิ่น ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ของแม่สายทิพย์มีขายในห้างสรรพสินค้าดัง ๆ อย่างเซ็นทรัลขอนแก่น ท็อปส์ และยังมีขายออนไลน์ในแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น ลาซาด้า ช้อปปี้ และ TikTok Shop ด้วย นอกจากนี้ยังเริ่มส่งแผ่นข้าวแตนดิบไปยังอเมริกาเพื่อขยายตลาดสู่ต่างประเทศ แม้ว่าโควิดจะทำให้แผนการส่งออกไปยุโรปต้องชะลอไปบ้าง แต่แม่สายทิพย์ยังคงพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่องและมีแผนจะต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์แปรรูปอื่นๆ ที่ใช้เครือตดหมาเป็นส่วนผสมหลักด้วย
หัวใจสำคัญของข้าวแตนสายทิพย์ไม่ใช่แค่รสชาติหรือกระบวนการผลิตเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่แม่สายทิพย์ยึดมั่น “ถ้าเรามีที่ดิน เหมือนเรามีทองคำ” เธอเลือกสร้างธุรกิจที่ไม่เพียงแต่ดูแลครอบครัว แต่ยังช่วยให้คนในชุมชนมีงานทำและมีรายได้ โดยไม่ต้องทิ้งลูกหลานไว้กับปู่ย่าตายาย จุดแข็งของธุรกิจคือ การใช้ผลผลิตจากท้องถิ่นอย่างข้าวเหนียว 90% ผสมผสานกับภูมิปัญญาอีสานอย่างเครือตดหมา และมีแรงงานในชุมชน 100% ข้าวแตนสมุนไพรสายทิพย์จึงไม่ใช่แค่ขนมพื้นบ้าน แต่มันเป็นสัญลักษณ์ของการคืนถิ่นและแรงบันดาลใจให้คนอีสานเห็นว่า บ้านเกิดก็สามารถเป็นที่สร้างอนาคตได้
เรื่องและภาพประกอบ
นิสิตสาขานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ยศวรรณ สุขโสม
น้ำเพชร เพชรก้อน
กิตติธรา จานิกร
อภิญญา บุญทวี
อัญธิฌา ภูช่างทอง
ธนกฤต บุญชู
ณัฐพงษ์ ดาวช่วย
เศรษฐวัฒน์ มนตรีโพธิ์