ในวันที่ปลาซิว ปลาตัวเล็กๆ ที่เคยชุกชุมในท้องทุ่งนาอีสาน กำลังจะกลายเป็นอดีต ว่าที่ร้อยตรีหญิงจินตหรา รักภักดี หรือ “ต่าย” หญิงสาววัย 33 ปี ในจังหวัดมหาสารคาม ได้ลุกขึ้นมา สร้างความเปลี่ยนแปลง ด้วยการพลิกฟื้นภูมิปัญญาท้องถิ่น ผสานกับความมุ่งมั่นตั้งใจ เปลี่ยนผืนดินบ้านเกิดให้กลายเป็นแหล่งอนุรักษ์และเพาะพันธุ์ปลาซิว สร้างรายได้เลี้ยงครอบครัว และส่งต่อความรู้สู่คนรุ่นหลัง ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของภาคเกษตรกรรมที่มุ่งสู่เทคโนโลยีและความทันสมัย คุณต่ายกลับเลือกที่จะหันหลังให้กับวิถีเดิม ๆ แล้วหันมาฟื้นฟูภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับชีวิตและชุมชน ด้วยการเลี้ยงปลาซิว ปลาพื้นถิ่นอีสานที่กำลังจะเลือนหายไปจากความทรงจำ



จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ สู่ความหวังในการอนุรักษ์เลี้ยงปลาซิว
ต่าย เล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นของการเลี้ยงปลาซิวว่า “เมื่อก่อนทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ พอตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านด้วยเหตุจำเป็นทางครอบครัว ก็มองหาอาชีพที่สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ ตอนแรกก็คิดหนัก เพราะแถวบ้านทำนาทำไร่กันหมด แล้วเราจะทำอะไรที่แตกต่าง” เมื่อเธอเห็นภาพของชีวิตในชนบทที่หลายครอบครัวยังคงทำการเกษตรแบบเดิม ๆ และรู้สึกท้าทายที่จะหาทางเลือกใหม่ที่สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับครอบครัว จึงเริ่มมองหากิจกรรมที่สามารถทำได้ในพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดและเชื่อมโยงกับความรู้ท้องถิ่น
โอกาสมาถึงเมื่อคุณพ่อของคุณต่ายจับปลาซิวมาได้ 4 ตัว จากการล้างบ่อปลา “ตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะเลี้ยงจริงจัง แต่พอเห็นปลาซิว 4 ตัวนั้น ก็เกิดความคิดว่า ทำไมเราไม่ลองเลี้ยงปลาที่คนอื่นไม่เลี้ยงดูบ้าง” นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณต่ายมองเห็นโอกาสในการอนุรักษ์และขยายพันธุ์ปลาซิว ซึ่งในขณะนั้นเป็นปลาพื้นถิ่นที่หายากในพื้นที่ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตชาวบ้านที่เริ่มหันไปทำการเกษตรกรรมโดยใช้สารเคมี เธอจึงตัดสินใจทดลองเลี้ยงปลาซิวจาก 4 ตัวนั้น เพื่อดูผลลัพธ์และสร้างโอกาสให้กับตนเองและชุมชน
จากปลาซิวเพียง 4 ตัว สู่การขยายพันธุ์ด้วยวิธีธรรมชาติ คุณต่ายเริ่มศึกษาพฤติกรรมของปลา เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และใช้วิธีการเลี้ยงแบบเลียนแบบธรรมชาติ “เราไม่ได้ทำอะไรมาก แค่ฉีดน้ำให้เขาเหมือนฝนตก แล้วเขาก็ออกลูกมาเอง” การใช้วิธีธรรมชาตินี้ทำให้เธอไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีหรือสารเคมีที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันก็สามารถทำให้ปลาซิวขยายพันธุ์ได้ตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องมีการดูแลหรือการแทรกแซงที่มากเกินไป การเลี้ยงปลาซิวด้วยวิธีนี้ทำให้ผลผลิตออกมาดี และสามารถขยายพันธุ์ได้ในปริมาณที่มากขึ้น
จากนั้นฟาร์มของคุณต่ายเริ่มขยายไปตามลำดับจนปัจจุบันมีทั้งบ่อดินและกระชังบก รวมกว่า 21 บ่อ ซึ่งทำให้เธอสามารถขยายการผลิตได้มากขึ้นและเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว ฟาร์มของเธอไม่เพียงแต่เป็นแหล่งอนุรักษ์ปลาซิว แต่ยังเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเกษตรกรในท้องถิ่นที่สนใจในการทำเกษตรแบบยั่งยืน เธอได้แบ่งปันประสบการณ์และวิธีการเลี้ยงปลาซิวกับคนในชุมชน รวมถึงการส่งเสริมการเลี้ยงปลาที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จึงกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับชุมชนในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสร้างรายได้จากสิ่งที่มีอยู่ในท้องถิ่น




แรงบันดาลใจในการคืนถิ่น สร้างรายได้สู่ฟาร์มเลี้ยงปลาซิว
เหตุผลที่ทำให้คุณต่ายตัดสินใจกลับมาทำการเกษตรที่บ้านเกิดคือปัญหาทางครอบครัวที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ “ตอนนั้นคุณทวดป่วย แล้วที่บ้านพี่มีแค่เด็กกับคนแก่ ก็เลยตัดสินใจวันนั้นเลยว่าเราต้องกลับมาทำอะไรสักอย่าง” เธอเล่าอย่างจริงใจถึงเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจออกจากชีวิตในเมืองใหญ่และกลับบ้านเกิดที่จังหวัดมหาสารคาม ที่แม้จะเต็มไปด้วยความท้าทาย การเลือกที่จะกลับบ้านไม่ใช่แค่การหาที่พักพิงเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเริ่มต้นใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและการสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับครอบครัว
ในช่วงที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ คุณต่ายได้รับรายได้วันละ 300 บาท เมื่อต้องกลับมาทำอาชีพในท้องถิ่น แรงบันดาลใจที่คุณต่ายมุ่งมั่นไว้จึงเกิดขึ้น “แต่ก่อนทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็คือขั้นต่ำวันละ 300 เรากลับบ้านมาต้องทำอะไรก็ได้ให้ได้วันละ 300 บาท” ถึงแม้ว่าในตอนแรกคุณต่ายจะไม่มั่นใจว่าจะสามารถหาทางเลือกที่ดีได้ในบ้านเกิด แต่เมื่อชีวิตต้องบีบบังคับให้ไปต่อคุณต่ายจึงต้องเลือกทางเดินให้ตัวเองอีกครั้ง
การกลับมาที่บ้านเกิดทำให้คุณต่ายได้ตั้งคำถามกับตัวเองถึงอาชีพที่จะสามารถทำได้ในหมู่บ้านที่มีแต่ท้องไร่ท้องนา
“ถ้าเราจะไปเลี้ยงพวกปลาเศรษฐกิจ ปลานิล ปลาช่อน อย่างนี้ค่ะ ก็คือทุกบ่อในชาวบ้านเขาก็มีอยู่แล้ว พี่ก็เลยคิดว่าถ้าจะเลี้ยงปลาพวกนั้นมันก็คงจะไปไม่รอด”
คุณต่ายจึงหันมามองการเลี้ยงปลาซิว ซึ่งเป็นปลาพื้นถิ่นที่ไม่ค่อยมีใครเลี้ยงและสามารถเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ คุณต่ายเห็นโอกาสที่ปลาซิวจะไม่เพียงเป็นแหล่งอาหารในท้องถิ่น แต่ยังสามารถเป็นแหล่งรายได้ที่มั่นคง
“เราไม่เลี้ยงปลาที่เขาเลี้ยงกันดีกว่า เพราะปลาซิวเป็นปลาที่เข้าถึงได้ง่าย หากเราเลี้ยงเอง เราไม่จำเป็นต้องขายแพงเหมือนปลาขนาดใหญ่ที่อาจต้องตั้งราคาสูงถึง 50-60 บาท เราสามารถขายในราคา 20-30 บาท เพื่อให้ชาวบ้านซื้อไปบริโภคได้”
การเลี้ยงปลาซิวทำให้คุณต่ายไม่ต้องเผชิญกับการแข่งขันทางการตลาดเหมือนกับการเลี้ยงปลาชนิดอื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมในชุมชน อีกทั้งยังสามารถตั้งราคาขายให้เหมาะสมกับกำลังซื้อของคนในพื้นที่ โดยไม่ต้องพึ่งพาพ่อค้าคนกลางหรือการขนส่งไปยังตลาดขนาดใหญ่ รายได้จากการขายปลาซิวโดยตรงให้กับชาวบ้านช่วยให้คุณต่ายมีรายรับที่มั่นคง ขณะเดียวกันก็เป็นการกระจายรายได้ภายในชุมชน ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นให้เติบโตไปพร้อมกัน ความมั่นใจในตลาดท้องถิ่นของเธอนั้นไม่ได้มาจากการคาดเดาหรือโชคช่วย แต่เกิดจากความเข้าใจในความต้องการของคนในชุมชนที่เติบโตและใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เดียวกันมาอย่างยาวนาน ปลาซิวเป็นอาหารพื้นบ้านที่มีความนิยมในหมู่คนท้องถิ่นไม่ว่าเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ความต้องการบริโภคปลาซิวก็จะยังคงมีอยู่
การเลือกเลี้ยงปลาซิวไม่เพียงแต่เป็นหนทางสร้างรายได้ให้กับคุณต่ายและครอบครัว แต่ยังเป็นการช่วยรักษาทรัพยากรธรรมชาติของท้องถิ่นไปพร้อมกัน การฟื้นฟูปลาพื้นถิ่นและการเลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติ ช่วยให้ระบบนิเวศมีความสมดุล และลดความเสี่ยงที่ปลาพื้นเมืองจะสูญหาย นอกจากนี้ การเลี้ยงปลาซิวในลักษณะนี้ยังส่งเสริมความยั่งยืนของชุมชนในระยะยาว เพราะเป็นการรักษาทั้งแหล่งอาหาร วิถีชีวิต และภูมิปัญญาของท้องถิ่นให้คงอยู่ ไม่ใช่แค่การทำมาหากิน แต่เป็นการดูแลรากเหง้าของชุมชนให้อยู่ต่อไปอย่างมั่นคง

ความหายากของปลาซิว ปัญหาสารเคมีและการอนุรักษ์
ในอดีต ปลาซิวเป็นแหล่งอาหารสำคัญที่คนอีสานใช้ในหลากหลายเมนูอาหารพื้นบ้าน เช่น หมกปลาซิวและอ่องปลาซิว ที่ได้รับความนิยมในชุมชน “พอเราทำเป็นหมกปลาซิว หรืออ่องปลาซิว มันก็รสชาติอร่อยมากเลยค่ะ” คุณจินตหรากล่าวถึงการใช้ปลาซิวเป็นอาหารพื้นบ้านที่ชาวอีสานคุ้นเคยกันดี ปลาซิวในอดีตเป็นแหล่งอาหารที่มีประโยชน์และให้รสชาติที่อร่อย โดยมักใช้ปลาซิวสด ๆ มาปรุงรสด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศท้องถิ่น เช่น ข่า ตะไคร้ หรือใบมะกรูด ทำให้เป็นอาหารที่มีรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการที่ดี นอกจากนี้ยังสามารถย่างหรือทอดเพื่อเสิร์ฟในงานพิธีต่าง ๆ ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปลาซิวในวิถีชีวิตและวัฒนธรรมการทำอาหารของคนอีสาน
การสูญเสียปลาซิวในหลายบ่อเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของปลาและการเพาะพันธุ์ “ปลาซิวบางบ่อมันก็แทบไม่มีแล้ว เป็นปลาหายาก” ปัญหานี้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อสารเคมีที่ใช้ในภาคเกษตรกรรม เช่น ยาฆ่าแมลงและสารเคมีกำจัดวัชพืช ได้ปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ซึ่งส่งผลให้ปลาซิวไม่สามารถอยู่รอดได้ตามธรรมชาติ ในขณะที่ฟาร์มของคุณต่ายมีความพยายามที่จะอนุรักษ์และฟื้นฟูจำนวนปลาซิวให้กลับมาชุกชุมอีกครั้ง
“เพราะว่าตอนนี้สารเคมีมันเยอะ ในหมู่บ้านนี้มีตั้ง 300 หลังคา ซึ่งตอนนี้มีแค่หลักๆ ของพี่แค่บ่อเดียวนอกนั้นก็จะสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว” คุณต่ายได้กล่าวถึงความยากลำบากในการรักษาปลาซิวให้มีอยู่รอดในแหล่งน้ำที่ถูกปนเปื้อนด้วยสารเคมีและผลกระทบจากการเกษตรกรรมที่ไม่ยั่งยืน แม้ว่าฟาร์มของเธอจะมีการเลี้ยงปลาซิวในระบบที่ไม่พึ่งพาสารเคมี แต่ความท้าทายในการอนุรักษ์และฟื้นฟูปลาซิวยังคงมีอยู่ ซึ่งทำให้เธอเห็นถึงความสำคัญในการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและการสร้างความยั่งยืนในชุมชนด้วยการเลี้ยงปลาซิววิถีอินทรีย์
คุณต่ายมองเห็นถึงความสำคัญของการเลี้ยงปลาซิวในฐานะส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เธอพูดถึงความสำคัญของการรักษาปลาซิวไว้ในพื้นที่ว่า “ถ้าไม่เลี้ยงก็จะไม่รู้จักปลาซิวเลย” เธอเห็นว่า คนรุ่นหลังที่ไม่ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตดั้งเดิม อาจจะไม่เข้าใจถึงคุณค่าและความสำคัญของปลาซิวที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวอีสาน “ปลาซิวทางนี้มันมี ของพี่ขนาดพี่เลี้ยงจริงๆ ของพี่ตอนนี้คือมีแค่ 2 สายพันธุ์ค่ะ มีปลาซิวอ้าวบ้านเรา หรือปลาซิวหนวดยาว แล้วก็จะมีปลาซิวข้าวหรือปลาซิวควาย” เธอเล่า โดยกล่าวถึงการสูญเสียของปลาซิวในธรรมชาติว่า “ถ้าไม่มีการเลี้ยงมันก็คงจะหายไปจากพื้นที่นี้” การอนุรักษ์ปลาซิวไม่เพียงแค่การรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังเป็นการรักษาวิถีชีวิตและมรดกทางวัฒนธรรมของชาวอีสานที่ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น




เทคนิคการเลี้ยงแบบธรรมชาติ ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ยั่งยืน
สิ่งที่ทำให้ฟาร์มปลาซิวของคุณต่ายแตกต่างจากฟาร์มอื่น ๆ คือการนำภูมิปัญญาท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้ในการเลี้ยงปลาอย่างเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำและการดูแลระบบภายในฟาร์ม “คือของพี่น่ะ จะทำเป็นระบบน้ำ ในกระชังบกอ่ะ พี่ไม่ได้ต่อท่อแบบทำระบบน้ำเป็นโดยตรง เพราะว่า ถ้าทำระบบน้ำแล้วต้องมีระบบไฟใช่ไหมคะ มันอาจไม่ปลอดภัยเพราะว่าพี่มีลูกเล็กด้วย เราจะใช้แบบฉีดน้ำเอา ใช้มือใช้แรงงานฉีด เลียนแบบธรรมชาติ” การใช้วิธีการฉีดน้ำด้วยมือแทนการใช้ระบบท่อไฟฟ้า ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนในการทำฟาร์ม แต่ยังเป็นการรักษาแนวทางที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการเลียนแบบกระบวนการธรรมชาติอย่างตรงไปตรงมา ทำให้การเลี้ยงปลาซิวเป็นไปอย่างยั่งยืนและไม่พึ่งพาเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศ
วิธีการเลี้ยงแบบธรรมชาติในการดูแลบ่อปลา โดยการเติมน้ำบาดาลลงทุกวันในบ่อดินและเลียนแบบสภาพแวดล้อมธรรมชาติ “ถ้าเป็นบ่อดินอย่างนี้ พี่ก็จะต่อน้ำบาดาลลงทุกวันเลย แล้วจะเลียนแบบธรรมชาติ คือปลาซิวของพี่จะไข่ตลอดทั้งปี จะมีลูกได้ตลอดทั้งปีค่ะ” การเลี้ยงปลาซิวในสภาพแวดล้อมที่คล้ายธรรมชาตินี้ทำให้ปลาเจริญเติบโตได้ตามธรรมชาติ และสามารถขยายพันธุ์ได้ตลอดปี โดยไม่ต้องพึ่งพาการควบคุมหรือปัจจัยภายนอกที่ซับซ้อน การทำตามธรรมชาติแบบนี้ยังช่วยให้ปลามีคุณภาพที่ดีและไม่ต้องพึ่งสารเคมีใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยคุณต่าย ก็ได้กล่าวถึงวิธีการที่ช่วยให้การเลี้ยงปลาซิวเป็นไปอย่างยั่งยืน โดยเน้นการใช้วิธีการเลี้ยงแบบธรรมชาติและการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นอย่างเหมาะสม “การที่เราจะเลี้ยงปลาซิวให้ได้ผลดีนั้น ไม่ใช่แค่การให้อาหารหรือดูแล แต่ยังต้องเข้าใจเรื่องของการปรับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับธรรมชาติของปลาด้วย”
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ฟาร์มปลาซิวของคุณต่ายโดดเด่นคือการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการเลี้ยงปลา โดยคุณต่ายได้กล่าวถึงวิธีการเลี้ยงที่ไม่พึ่งอาหารเม็ด “สมัยก่อนแบบโบราณนะเขาไม่ได้พึ่งอาหารเม็ด ของพี่ก็จะไม่พึ่งอาหารเม็ดเลย ใช้ปุ๋ยคอกและรำอ่อนเป็นหลัก ซึ่งเมื่อใส่ปุ๋ยคอกลงน้ำจะทำให้เกิดแพลงก์ตอน ซึ่งเป็นอาหารธรรมชาติของปลา อีกอย่างหนึ่งคือการให้ไข่ผำ ซึ่งมีโปรตีนสูง และในหมู่บ้านคนจะไม่เอาไปบริโภค เราก็จะเอามาให้ปลากินเป็นการลดต้นทุนอีกแบบ ในหมู่บ้านตอนนี้มี 300 หลัง ปัจจุบันมีแค่ของพี่บ่อเดียวที่ยังสามารถเพาะพันธุ์ได้ นอกนั้นก็จะสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว เพราะว่าตอนนี้สารเคมีมันเยอะ”
การใช้วิธีนี้ ช่วยลดต้นทุนในการเลี้ยงปลาได้อย่างมาก เพราะปุ๋ยคอกและรำอ่อนมีราคาถูก คุณต่ายเล่าว่ารำอ่อนจากหมู่บ้านขายในราคากระสอบละ 100 บาท และกระสอบหนึ่งสามารถใช้เป็นอาหารปลาได้ตลอดสัปดาห์ เดือนหนึ่งจะมีค่าอาหารปลาเพียง 400 บาท บางครั้งยังต่ำกว่านั้น เนื่องจากยังมีทรัพยากรจากชุมชน เช่น ไข่ผำที่สามารถนำมาใช้เป็นอาหารปลาได้ และการสลับการให้อาหารระหว่างไข่ผำและรำอ่อนช่วยให้ต้นทุนต่ำลงไปอีก
วิธีการเลี้ยงปลาด้วยเทคนิคนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนอาหาร แต่ยังทำให้ฟาร์มปลาซิวของคุณต่ายสามารถเพาะพันธุ์ปลาได้ในจำนวนมาก และยังช่วยอนุรักษ์พันธุ์ปลาซิวให้อยู่รอดได้ โดยไม่ใช้สารเคมีใดๆ ซึ่งเป็นการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างสร้างสรรค์เพื่อให้การเพาะพันธุ์ปลาเป็นไปอย่างยั่งยืน

รายได้และความยั่งยืน สร้างชีวิตที่ดีขึ้นจากการเลี้ยงปลาซิว
“การมีรายได้ ถ้าเราจะขายแบบปลาเนื้อ ขายตามชาวบ้านอ่ะค่ะ มันก็ขั้นต่ำอยู่แล้ววันละ 2-3 ร้อย” เธอกล่าวถึงรายได้จากการขายปลาซิวในตลาดท้องถิ่น ซึ่งอาจจะฟังดูเหมือนเป็นจำนวนที่ไม่มาก แต่เมื่อเธอมีการขยายช่องทางการตลาดออกไป การขายพ่อแม่พันธุ์ปลาซิวและการขายออนไลน์ก็ช่วยเพิ่มรายได้ให้เธออย่างต่อเนื่อง “ถ้าเรามีตลาดออนไลน์ มีขายพ่อแม่พันธุ์นี้ค่ะ ก็เฉลี่ยต่อเดือนเนาะตีไปวันละ 400 บาท/วัน” การขยายตลาดออนไลน์จึงเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ทำให้ฟาร์มปลาซิวของเธอสามารถเติบโตและสร้างรายได้ที่สูงขึ้น
อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับฟาร์มของคุณต่ายคือการมีการตลาดที่หลากหลาย โดยไม่จำกัดแค่การขายปลาซิวในพื้นที่ท้องถิ่น แต่ยังเปิดช่องทางการขายออนไลน์เพื่อเข้าถึงลูกค้าในพื้นที่อื่น ๆ ที่ไกลออกไป “มีทั้ง 2 แบบ มีทั้งขายหน้าฟาร์ม และขายออนไลน์ด้วยค่ะ ผลตอบรับดีทั้งสองค่ะ” การขายปลาซิวทั้งในและนอกพื้นที่ทำให้เธอสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลากหลายกลุ่ม ทั้งในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การมีตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ทำให้ฟาร์มของเธอมีช่องทางการขายที่หลากหลายและเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
การตลาดออนไลน์ยังทำให้คุณต่ายมีโอกาสขยายการศึกษาและแบ่งปันความรู้กับผู้ที่สนใจจากทั่วประเทศ “ถ้าเป็นของภาคใต้อื่นๆ ก็จะเป็นส่งออนไลน์ แต่ถ้าแถวสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์นี้ ลูกค้าจะเข้ามาที่ฟาร์ม” นอกจากนี้ยังมีคนจากภาคเหนือที่เดินทางมาที่ฟาร์มของเธอเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงปลาซิว “บางทีก็มีคนอยากศึกษาเรียนรู้ทางภาคเหนือ ก็มาเรียนรู้ด้วยค่ะ” การเปิดโอกาสให้คนอื่นได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของเธอไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรายได้จากการฝึกอบรม แต่ยังเป็นการส่งต่อภูมิปัญญาท้องถิ่นและสร้างความยั่งยืนในวงการเกษตรกรรมได้อีกทางหนึ่ง
กลุ่มเป้าหมายที่หลากหลาย: จากชาวบ้านสู่ผู้สนใจทั่วประเทศ
กลุ่มเป้าหมายของฟาร์มปลาซิวของคุณต่ายมีความหลากหลาย ทั้งในด้านอาชีพ ความสนใจ และเป้าหมายการลงทุน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการสร้างความหลากหลายทางธุรกิจที่สามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันได้ “มีทั้งชาวบ้าน เริ่มแรกถ้าเป็นปลาเนื้อจะเป็นชาวบ้าน ถ้าเป็นพ่อแม่พันธุ์จะเป็นตลาดออนไลน์” เธอกล่าวถึงการแบ่งกลุ่มตลาดที่ชัดเจน โดยชาวบ้านในพื้นที่รอบข้างมักจะซื้อปลาซิวเพื่อบริโภคเป็นอาหารประจำวัน ส่วนลูกค้าจากตลาดออนไลน์ส่วนใหญ่จะสนใจซื้อพ่อแม่พันธุ์ปลาซิวเพื่อนำไปขยายพันธุ์ในพื้นที่ของตนเอง
กลุ่มลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ยังมีความหลากหลาย ทั้งวัยเกษียณหรือแม้กระทั่งคนที่ต้องการกลับไปใช้ชีวิตในชนบทเพื่อทำเกษตรเช่นเดียวกับกับคุณต่าย “บางคนก็จะเป็นข้าราชการเกษียณ บางคนก็คนที่อยากกลับไปอยู่บ้านอย่างงี้อ่ะค่ะ เอาไปให้พ่อแม่ทำไว้ก่อน” ด้วยความที่ปลาซิวเป็นปลาที่ไม่ต้องการการดูแลที่ซับซ้อนเกินไป ทำให้ผู้ที่มีเวลาจำกัดหรือไม่คุ้นเคยกับการเลี้ยงสัตว์สามารถนำไปเลี้ยงได้ง่าย นอกจากนี้ยังมีคนที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจของตนเองในชนบท ซึ่งฟาร์มปลาซิวของคุณต่ายกลายเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเริ่มต้น
นอกจากนี้ยังมีลูกค้าบางกลุ่มที่มีความสนใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงปลาซิวอย่างจริงจัง โดยที่บางคนตั้งใจจะทำเป็นอาชีพหลัก “บางคนก็จะเป็นแบบอยากเรียนรู้ บางคนก็อยากทำจริงจังเลยเป็นอาชีพเลย” คุณต่ายมักจะแนะนำลูกค้าแต่ละกลุ่มตามความสนใจและเป้าหมายของพวกเขาอย่างชัดเจน โดยมีการแนะนำในแต่ละขั้นตอนให้เหมาะสมกับการเริ่มต้นและการพัฒนาธุรกิจ “ก็จะแนะนำเป็นคนละ Step Step ไป” การตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลากหลายกลุ่ม ทำให้ฟาร์มปลาซิวของคุณต่ายไม่เพียงแต่สร้างรายได้ให้กับครอบครัว แต่ยังช่วยสร้างโอกาสในการพัฒนาและส่งเสริมอาชีพให้กับผู้ที่ต้องการศึกษาหรือเริ่มต้นทำเกษตรในชนบท





การพัฒนาและต่อยอดสินค้า
คุณต่ายไม่ได้หยุดแค่การเลี้ยงปลาซิวเพื่อจำหน่าย แต่ยังมองหาโอกาสในการพัฒนาและต่อยอดสินค้าจากผลิตภัณฑ์ที่ได้จากฟาร์มของเธอ เพื่อเพิ่มมูลค่าและตอบสนองความต้องการของตลาดที่หลากหลาย “ของพี่ตอนนี้พี่ก็มีเป็นแปรรูปของพี่อยู่แล้ว ก็จะมีพวกปลาจ่อม มีปลาซิวแดดเดียวด้วยอย่างนี้ค่ะ พี่แปรรูปอยู่แล้ว” การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากปลาซิวช่วยให้ฟาร์มของเธอสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า โดยการทำให้ปลาซิวมีอายุการเก็บรักษาที่นานขึ้นและสามารถจำหน่ายได้ในรูปแบบใหม่ เช่น ปลาจ่อมที่มีรสชาติอร่อยและปลาซิวแดดเดียวที่ได้รับความนิยมในตลาด
การแปรรูปปลาซิวเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ปลาจ่อมและปลาซิวแดดเดียวไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มช่องทางในการทำธุรกิจ แต่ยังเปิดโอกาสให้คุณต่ายสามารถขยายตลาดและเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจในผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปแล้ว การมีสินค้าที่หลากหลายและสามารถสั่งซื้อได้ตามความต้องการของลูกค้า ทำให้ฟาร์มของคุณต่ายกลายเป็นแหล่งจำหน่ายสินค้าประเภทนี้อย่างมีเอกลักษณ์ นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และทำให้ฟาร์มของคุณต่ายเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น
ปลาจากธรรมชาติ vs ปลาจากฟาร์ม โอกาสรอดที่แตกต่าง
ต่าย ได้อธิบายถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างปลาซิวที่มาจากธรรมชาติและปลาซิวที่เลี้ยงในฟาร์ม โดยให้ข้อสังเกตว่าปลาที่มาจากธรรมชาติมักจะมีอัตราการรอดชีวิตที่ต่ำมาก “ถ้าเป็นปลาซิวธรรมชาติ คือเขาไม่เคยอยู่ในพื้นที่แคบ แล้วเขาไม่เคยกินอาหาร อัตราการรอดมันจะน้อย” เธอกล่าวอย่างตรงไปตรงมา พร้อมชี้ให้เห็นถึงเหตุผลที่ทำให้ปลาจากธรรมชาติมีอัตราการรอดต่ำ เช่น ปัญหาการย้ายจากแหล่งน้ำธรรมชาติไปยังพื้นที่ที่จำกัด “คนโบราณเขาจะบอกว่าใจปลาซิว เพราะขึ้นมาจากน้ำมันหรือช้อนขึ้นมามันก็ตายเลย” ปลาซิวจากธรรมชาติจะต้องปรับตัวเมื่อถูกนำขึ้นจากน้ำ ซึ่งบางครั้งการเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ปลาบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้ง่าย
ในขณะที่ฟาร์มของคุณต่าย เลี้ยงปลาซิวในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุมอาหารและสุขภาพของปลาอย่างดี “ของพี่เลี้ยงอาหารอยู่แล้วค่ะ เอามาเลี้ยงในกระชังบก ก็รอด” คุณจินตหรามองว่าการเลี้ยงปลาซิวในฟาร์มไม่เพียงแต่ช่วยให้ปลาเติบโตในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม แต่ยังช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตอย่างมาก ปลาที่เลี้ยงในฟาร์มจะได้รับอาหารที่เหมาะสมในปริมาณที่ควบคุมได้ ซึ่งทำให้พวกมันสามารถกินอาหารได้ตามความต้องการและไม่ทำให้เกิดปัญหาการกินมากเกินไป ซึ่งในธรรมชาติมักจะเกิดขึ้น “ถ้าเอามาจากบ่อธรรมชาติ แล้วนำมาเลี้ยงอีกเนี่ย เขาก็จะวิ่งชนอ่างอ่ะค่ะ มันจะทำให้เขาบาดเจ็บแล้วเขาตาย” เธอกล่าวถึงอันตรายจากการขนส่งปลาซิวที่มาจากแหล่งธรรมชาติ ซึ่งบางครั้งอาจทำให้ปลาได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถรอดชีวิตได้
สิ่งที่ทำให้ปลาซิวที่มาจากฟาร์มมีอัตราการรอดที่ดีกว่า คือการควบคุมสภาพแวดล้อมในฟาร์มที่สามารถดูแลได้ตลอดเวลา “เวลาการกินอาหารเขาจะกินไม่หยุด มีเท่าไหร่ก็กินให้หมด ตื่นเช้ามาท้องจะแตกตาย” คุณต่าย อธิบายถึงการกินอาหารของปลาซิวในฟาร์ม ซึ่งต่างจากปลาที่มาจากธรรมชาติที่กินอาหารได้ตามความจำเป็น แต่ในฟาร์ม ปลาเหล่านี้ได้รับการฝึกให้กินในปริมาณที่เหมาะสมและหยุดเมื่ออิ่ม “ถ้ามาจากธรรมชาติปุ๊บมีเท่าไหร่กินให้หมด เพราะเขาตื่นเขาจะลอยท้องอืดตายเลย” จากคำพูดของคุณจินตหรา เราสามารถเห็นได้ว่า การเลี้ยงปลาซิวในฟาร์มไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันการสูญเสียที่เกิดจากการปรับตัวของปลา แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสให้ปลามีชีวิตที่ยาวนานและเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ โดยมีสภาพแวดล้อมที่ดีและได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง
เจ้าของฟาร์มเลี้ยงปลาซิว แห่งมหาสารคาม กล่าวทิ้งท้ายถึงความสำคัญของการเริ่มต้นด้วยความตั้งใจและการเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยแนะนำให้ผู้ที่สนใจเลี้ยงปลาซิวต้องมีความอดทนและเข้าใจธรรมชาติของปลาอย่างแท้จริง “การเลี้ยงปลาซิวไม่ใช่แค่เรื่องของการเลี้ยงให้ปลารอด แต่ต้องเข้าใจวิธีการดูแลและการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับพวกมัน” เธอย้ำถึงความสำคัญของการศึกษาก่อนการลงมือทำและการเริ่มต้นจากจำนวนปลาน้อย ๆ เพื่อทดลองและเรียนรู้จากประสบการณ์จริง การให้ความสำคัญกับการพัฒนาฟาร์มจากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ จะทำให้สามารถขยายการเลี้ยงได้อย่างมั่นคงในอนาคต
เธออยากให้มีการอนุรักษ์ปลาซิวและสืบสานภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ซึมซับคุณค่าของธรรมชาติและวิถีชุมชน “ปลาซิวไม่ใช่แค่ปลาเล็กๆ ในลำคลอง แต่มันคือส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม วิถีชีวิต และภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา” เธอมีความเชื่อว่าหากเราตระหนักถึงความสำคัญของมันและช่วยกันดูแล ไม่ว่าจะด้วยการอนุรักษ์หรือเพียงแค่เคารพต่อระบบนิเวศ เราจะสามารถรักษาทรัพยากรธรรมชาติให้คงอยู่ และส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับอนาคตได้อย่างแท้จริง



คณะผู้จัดทำ
1.นายชานิน หอมชาลี
2.นางสาวปาณธิวา วิเศษพันธ์
3.นางสาวญาณภัทร ธนกัญญา
4.นางสาวเสาวลักษณ์ ปุเรนเต
5.นางสาวชญาภรณ์ ท่าสุวรรณ์
6.นางสาวธนัมพร วิบูลย์กุล
7.นางสาวอภิญญา คุณแก้ว